ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ในวันพุธ (11 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 25,945.04 จุด ลดลง 268.6 จุด หรือ -1.02%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,556.89 จุด ลดลง 267.68 จุด หรือ -1.35% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,044.80 จุด ลดลง 13.9 จุด หรือ -0.45%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% แต่ต่ำกว่าระดับ 8.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.0% แต่ต่ำกว่าระดับ 6.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2525
วิล คอมเพอร์นอลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอฟเอชเอ็น ไฟแนนเชียลกล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะเปิดทางให้เฟดใช้เป็นเหตุผลในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นและรุนแรงขึ้น โดยก่อนหน้านี้เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย. แต่ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วอาจทำให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 0.75% ในการประชุมเดือนดังกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 3% เมื่อคืนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่จะรายงานวันนี้ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมี.ค. ของญี่ปุ่น, ยอดขายรถและยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนเดือนเม.ย. ของจีน