ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.) โดยหุ้นส่วนใหญ่ที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจปรับตัวลง หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 424.40 จุด ลดลง 3.19 จุด หรือ -0.75%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,206.26 จุด ลดลง 63.47 จุด หรือ -1.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,739.64 จุด ลดลง 89.00 จุด หรือ -0.64% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,233.34 จุด ลดลง 114.32 จุด หรือ -1.56%
ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นหลังเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ชะลอตัวลงในเดือนเม.ย. แต่ยังคงสูงกว่าที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดไว้
ความวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงิน, การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งฉุดดัชนี STOXX 600 ลง 6.7% แล้วในเดือนพ.ค.นี้
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกเกี่ยวกับการส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรปผ่านทางยูเครนได้ลดลง 25% หลังยูเครนยุติการใช้เส้นทางส่งก๊าซที่สำคัญ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, รถยนต์ และเหมืองแร่ปรับตัวลงมากที่สุด
หุ้นซีเมนส์ของเยอรมนี ร่วงลง 2.5% หลังเปิดเผยว่าจะถอนตัวออกจากตลาดรัสเซียเนื่องจากการทำสงครามในยูเครน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทราว 600 ล้านยูโร (630.18 ล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 2