ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (17 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าอุปสงค์ในจีนอาจเพิ่มขึ้น หลังทางการจีนเตรียมผ่อนคลายมาตรการจำกัดเกี่ยวกับโรคโควิด-19 และนักลงทุนขานรับการคาดการณ์ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 438.97 จุด เพิ่มขึ้น 5.30 จุด หรือ +1.22%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,430.19 จุด เพิ่มขึ้น 82.42 จุด หรือ +1.30%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,185.94 จุด เพิ่มขึ้น 221.56 จุด หรือ +1.59% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,518.35 จุด เพิ่มขึ้น 53.55 จุด หรือ +0.72%
ตลาดปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มเหมืองแร่ที่พุ่งขึ้น 3.2% ขณะที่กลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นด้วย
บรรดานักลงทุนต้องการกลับเข้าซื้อหุ้น หลังเซี่ยงไฮ้ประสบความสำเร็จในการไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่นอกเขตกักกันเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเริ่มยกเลิกมาตรการจำกัดต่าง ๆ
การเปิดเผยข้อมูลของสหรัฐที่บ่งชี้ว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนเม.ย.นั้น ได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และช่วยหนุนตลาดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการและการคาดการณ์แนวโน้มรายได้ที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นเอ็นจี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 5.3% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรในปีนี้
หุ้นเดมเลอร์ ทรัค โฮลดิ้ง และหุ้นไคซาแบงก์ ทะยานขึ้น 6.5% และ 5.2% ตามลำดับ หลังเปิดเผยคาดการณ์ผลประกอบการที่สดใส
ข่าวเกี่ยวกับการซื้อกิจการบริษัทจดทะเบียนช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นคอนทัวร์โกลบอล พุ่ง 32.9% หลังบริษัทเคเคอาร์ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของสหรัฐตกลงซื้อคอนทัวร์โกลบอลเป็นเงิน 1.75 พันล้านปอนด์