ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด หลังพุ่งวานนี้ขานรับสหรัฐ-จีนจ่อปิดฉากสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 24, 2022 21:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นวานนี้ขานรับประธานาธิบดีโจ ไบเดนส่งสัญญาณยุติการทำสงครามการค้ากับจีน

ณ เวลา 20.47 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 31,758.23 จุด ลบ 122.01 จุด หรือ 0.38% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.32% และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 2.62%

บริษัทสแนป ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันสแนปแชท (Snapchat) ระบุว่า บริษัทอาจไม่สามารถทำกำไรและรายได้ตามเป้าหมาย

นายอีแวน สปีเกล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทสแนป เปิดเผยว่า บริษัทอาจพลาดเป้าหมายทั้งในด้านรายได้และกำไรในไตรมาสปัจจุบัน พร้อมกับเตือนว่าทางบริษัทอาจชะลอการจ้างงานไปจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย

ข่าวดังกล่าวได้ฉุดราคาหุ้นสแนปและหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ ร่วงลงในการซื้อขายวันนี้ โดยหุ้นสแนปทรุดตัวลงกว่า 36% ขณะที่หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ร่วงลง 6%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดวานนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร รวมทั้งการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนส่งสัญญาณยุติการทำสงครามการค้ากับจีน

ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนจะหารือกับนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เกี่ยวกับการปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนญี่ปุ่น และกลับสู่สหรัฐ

คำสั่งของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.50 แสนล้านดอลลาร์จะหมดอายุลงโดยอัตโนมัติในวันที่ 6 ก.ค.นี้ ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลของปธน.ไบเดนจะไม่ขยายระยะเวลาการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐ

นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าการยกเลิกมาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจะช่วยบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐ โดยการผ่อนปรนหรือการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าทั้งหมด อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกเพียงไม่กี่ทางที่ทำเนียบขาวจำเป็นจะต้องทำเพื่อฉุดต้นทุนสินค้าทุกประเภทให้ลดลง หลังจากที่เงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาทิศทางอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) ของเฟด

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

ขณะเดียวกัน เฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ