ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (25 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มทรัพยากรและกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินท่ามกลางความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 434.31 จุด เพิ่มขึ้น 2.73 จุด หรือ +0.63%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,298.64 จุด เพิ่มขึ้น 45.50 จุด หรือ +0.73%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,007.93 จุด เพิ่มขึ้น 88.18 จุด หรือ +0.63% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,522.75 จุด เพิ่มขึ้น 38.40 จุด หรือ +0.51%
ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนหลัง GfK ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยตลาดของเยอรมนีเปิดเผยผลสำรวจในวันพุธระบุว่า ดัชนีคาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเยอรมนีสำหรับเดือนมิ.ย. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -26.0 สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ -26.6 ในเดือนพ.ค.
หุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนั้น ปรับตัวขึ้น 1.1% แตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 1 เดือน และหนุนตลาดขึ้นมากที่สุด
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้นมากที่สุด หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นท่ามกลางปริมาณน้ำมันที่ตึงตัวและแนวโน้มอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากฤดูร้อนซึ่งมีการขับขี่รถเพื่อท่องเที่ยวในสหรัฐ
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้น 2.0% โดยหุ้นบริษัทผลิตไฟฟ้าฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงก่อนหน้านี้จากความวิตกเกี่ยวกับการเก็บภาษีลาภลอย (windfall tax)
หุ้นเอสเอสอี พุ่ง 5.7% หลังรายงานผลกำไรต่อปีพุ่งขึ้น 23%