ตลาดหุ้นเอเชียเปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น ขานรับรายงานการประชุมเดือนพ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดทุกคนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อได้โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจถดถอย
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,685.02 จุด เพิ่มขึ้น 7.22 จุด หรือ +0.03%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,272.22 จุด เพิ่มขึ้น 100.95 จุด หรือ +0.50% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,111.48 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด หรือ +0.13%
ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 3-4 พ.ค.เมื่อวานนี้ (25 พ.ค.) โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย.และเดือนก.ค. เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากเงินเฟ้อ
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดมีความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเปิดทางให้เฟดสามารถใช้นโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ในการประชุมเมื่อวันที่ 3-4 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการเฟดมีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 0.75-1.00% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2543 และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
นอกจากนี้ เฟดยังเปิดเผยแผนทยอยปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งงบดุลดังกล่าวประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) โดยขณะนี้มีมูลค่ารวม 8.9 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน โดยจะปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ MBS วงเงิน 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน โดยจะปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ MBS วงเงิน 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม