ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพฤหัสบดี (26 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร แต่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง หลังอังกฤษประกาศเก็บภาษีลาภลอย (windfall tax) 25% จากผลกำไรของผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,564.92 จุด เพิ่มขึ้น 42.17 จุด หรือ +0.56%
ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของรัฐบาลอังกฤษวงเงิน 1.5 หมื่นล้านปอนด์ (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการสนับสนุนภาคครัวเรือนนั้น จะกระตุ้นให้ผู้บริโภคยังคงใช้จ่ายต่อไป ขณะที่ประชาชนเผชิญกับรายจ่ายด้านพลังงานที่สูงขึ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 1.4% แต่หุ้นบริษัทผลิตไฟฟ้า อาทิ แดรกซ์, เซนทริกา และเอสเอสอี ร่วงลง 4.5-6.6% และกลุ่มสาธารณูปโภคโดยรวม ร่วงลง 4.1% จากการที่รัฐบาลอังกฤษสั่งเก็บภาษีลาภลอย
ส่วนหุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ซึ่งได้รับผลกระทบน้อยกว่าจากนโยบายดังกล่าว ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1%
หุ้นอินเทอร์มิเดียต แคปิตอล กรุ๊ป พุ่งขึ้น 7.6% หลังรายงานผลประกอบการทั้งปี และหุ้นเซอร์โก พุ่ง 9.8% หลังปรับเพิ่มแนวโน้มผลกำไรต่อปี
ส่วนหุ้นจอห์นสัน แมทเทย์ ร่วง 3.6% สวนทางตลาด หลังคาดการณ์ผลกำไรปี 2565-2566 ที่ระดับต่ำในกรอบคาดการณ์ของตลาด โดยถูกกระทบจากภาวะชะงักงันด้านอุปทาน เนื่องจากการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน และจากสงครามในยูเครน