ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พลิกพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้แตะจุดสูงสุดแล้ว
ณ เวลา 20.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 115 จุด หรือ 0.35% สู่ระดับ 32,715 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวลงหลังจากพุ่งแตะระดับ 6.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนม.ค.2525
ทั้งนี้ การชะลอตัวของดัชนี PCE ทั่วไปในเดือนเม.ย. ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563
เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 0.9% ในเดือนมี.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 5.2% ในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE พื้นฐานชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.เช่นกัน
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ
นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกในวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 500 จุดวานนี้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดของเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 30 พ.ค. เนื่องในวัน Memorial Day