ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันศุกร์ (27 พ.ค.) และปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. แม้หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซเผชิญแรงกดดัน หลังรัฐบาลอังกฤษประกาศจัดเก็บภาษีลาภลอย (windfall tax) จากผลกำไรของธุรกิจดังกล่าวในสัปดาห์นี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,585.46 จุด เพิ่มขึ้น 20.54 จุด หรือ +0.27%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มค้าปลีกหนุนตลาดขึ้นมากที่สุด
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังรัฐบาลอังกฤษออกมาตรการใหม่วงเงิน 1.5 หมื่นล้านปอนด์ (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อสนับสนุนภาคครัวเรือนนั้น ได้เพิ่มความหวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมบ่งชี้ว่า เฟดอาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้
นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
หุ้นกลุ่มธนาคาร ปรับตัวขึ้น 1.1% ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อาทิ หุ้นเกล็นคอร์, ริโอ ทินโต และแอนโทฟากัสตา บวกขึ้นราว 1.5% เนื่องจากราคาทองแดงและแร่เหล็กได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มน้ำมัน อาทิ บีพี และเชลล์ ปรับตัวลงราว 2% หลังรัฐบาลอังกฤษประกาศเก็บภาษีลาภลอย 25% จากผลกำไรของผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซเมื่อวันพฤหัสบดี (26 พ.ค.)
หุ้นบริษัทผลิตไฟฟ้า อาทิ เอสเอสอี, เซนทริกา และเดร็กซ์ ร่วงลงราว 1.6-4.2%
หุ้นดิลิเวอรู ซึ่งเป็นบริษัทบริการรับส่งอาหาร ร่วงลง 1.4% สวนทางตลาดเช่นกัน หลังเจพีมอร์แกนปรับลดคำแนะนำลงทุนหุ้นตัวนี้เป็น "คงน้ำหนักการลงทุน" (neutral)