ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนขานรับปัจจัยบวกหลังจีนทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 เพิ่มเติม และออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,404.14 จุด เพิ่มขึ้น 34.71 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 21,215.26 จุด เพิ่มขึ้น 91.33 จุด หรือ +0.43% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,172.73 จุด เพิ่มขึ้น 23.67 จุด หรือ +0.75%
นางซ่ง หมิง รองนายกเทศมนตรีนครเซี่ยงไฮ้เปิดเผยในวันนี้ (31 พ.ค.) ว่า ทางการเมืองเซี่ยงไฮ้จะปรับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สู่ภาวะปกติตั้งแต่วันพุธนี้ (1 มิ.ย.) เป็นต้นไป และจะอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้าและร้านค้ากลับมาเปิดดำเนินการได้ตามปกติ รวมทั้งอนุญาตให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงต่ำ (low-risk areas) สามารถกลับไปทำงานได้
นอกจากนี้ เซี่ยงไฮ้จะอนุญาตให้รถไฟกลับมาให้บริการตามปกติ และจะปรับเพิ่มจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศ รวมถึงจะปรับอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ด้วย อย่างไรก็ดี สถานที่สาธารณะยังคงต้องควบคุมจำนวนประชาชนให้อยู่ที่ 75% ของปริมาณปกติ และประชาชนจะต้องแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี PCR เป็นลบภายในเวลาอย่างน้อย 72 ชั่วโมงก่อนที่จะเข้าไปในสถานที่สาธารณะ
ถ้อยแถลงของนางซ่งนั้นมีขึ้นหลังจากเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้แถลงเมื่อวานนี้ว่า เซี่ยงไฮ้จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันพุธที่ 1 มิ.ย.นี้ พร้อมกับประกาศมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมาตรการดังกล่าวรวมถึงการลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมให้กับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยไปแล้วนั้น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 49.6 จากระดับ 47.4 ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 47.8 จากระดับ 41.9 ในเดือนเม.ย.
อย่างไรก็ดี ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่า ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของจีนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่นร่วงลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.2% โดยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เปิดเผยเมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) ว่า การผลิตทั่วโลกลดลง 9.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนเช่นกัน เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน