ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดปรับตัวลงในวันนี้ โดยนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น ขณะจับตาการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กับนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ทำเนียบขาวในวันนี้ (31 พ.ค.) เพื่อหารือเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวอเมริกันและกำลังส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของปธน.ไบเดน
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เปิดตลาดที่ระดับ 33,160.59 จุด ลดลง 52.37 จุด หรือ -0.16%
การประชุมระหว่างปธน.ไบเดนและนายพาวเวลถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปธน.ไบเดนได้ประกาศเสนอชื่อนายพาวเวลให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดสมัยที่สอง โดยปธน.ไบเดนจะใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความยินดีกับนายพาวเวลที่ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากวุฒิสภาสหรัฐในการผ่านมติให้เขาดำรงตำแหน่งประธานเฟดอีกสมัยด้วย
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ไบเดนจะหารือกับนายพาวเวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่การทำให้อัตราเงินเฟ้อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระดับที่มีเสถียรภาพ และการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ของประชาชนวัยทำงาน
ที่ผ่านมานั้น เฟดภายใต้การนำของนายพาวเวลได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับความล่าช้าในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อด้วยการยุติมาตรการฉุกเฉินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายพาวเวลได้กล่าวในงานสัมมนา Future of Everything Festival ซึ่งจัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จำเป็น เพื่อควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งขึ้นรุนแรงจนสร้างความเสียหายต่อรากฐานของเศรษฐกิจ
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในช่วงต้นเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี