ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงแตะระดับต่ำสุดของวันอังคาร (31 พ.ค.) หลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อในยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค.นั้น กระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 443.35 จุด ลดลง 3.22 จุด หรือ -0.72%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,468.80 จุด ลดลง 93.59 จุด หรือ -1.43%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,388.35 จุด ลดลง 187.63 จุด หรือ -1.29% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,607.66 จุด เพิ่มขึ้น 7.60 จุด หรือ +0.10%
เงินเฟ้อในยูโรโซนซึ่งประกอบด้วย 19 ประเทศ พุ่งขึ้นแตะ 8.1% ในเดือนพ.ค. จาก 7.4% ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 7.7% ขณะที่การขยายตัวของราคาสินค้าเป็นไปในวงกว้าง ไม่ใช่แค่เฉพาะราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นอีกต่อไป
หุ้นกลุ่มธนาคาร ร่วงลง 1.6% เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
นักลงทุนจะจับตาอย่างใกล้ชิดกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ด้านจุดยืนของ ECB ในการประชุมสัปดาห์หน้า ซึ่ง ECB ได้ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0% หรือมากกว่าภายในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในเดือนพ.ค. โดยยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลาง, ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดของจีน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นแตะระดับ 123 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากยุโรปยืนยันที่จะลดการนำเข้าน้ำมันส่วนใหญ่ของรัสเซีย ซึ่งเป็นการคว่ำบาตรรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเมื่อ 3 เดือนก่อน