ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันศุกร์ (3 มิ.ย.) โดยถูกกดดันหลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐได้สนับสนุนแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในยูโรโซน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 440.09 จุด ลดลง 1.14 จุด หรือ -0.26% และปรับตัวลง 0.9% ในรอบสัปดาห์นี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,485.30 จุด ลดลง 15.14 จุด หรือ -0.23% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,460.09 จุด ลดลง 25.08 จุด หรือ -0.17%
ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนยังคงปิดทำการในวันที่ 3 มิ.ย. เนื่องในงานฉลองครองราชย์ครบ 70 ปีของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากเป็นวันหยุดในอังกฤษและจีน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยนำตลาดปรับตัวลง ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์ ลดลง 1.6% โดยหุ้นฟลอรีเซียของฝรั่งเศส ร่วง 6.8% หลังเปิดเผยว่าจะเพิ่มทุน 705 ล้านยูโร (758 ล้านดอลลาร์) เพื่อใช้ในการซื้อกิจการของบริษัทเฮลลา ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งในเยอรมนี
นักลงทุนคาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายภายในเดือนต.ค. หลังการเปิดเผยข้อมูลในสัปดาห์นี้บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนอยู่ที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 325,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานอยู่ในภาวะที่ตึงตัว
ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด โดยตลาดปรับตัวรับคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมิ.ย.และก.ค.