ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งกว่า 200 จุด ส่งสัญญาณวอลล์สตรีทร่วงคืนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 7, 2022 20:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งลงกว่า 200 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการในธุรกิจค้าปลีก ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

ณ เวลา 19.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 246 จุด หรือ 0.75% สู่ระดับ 32,665 จุด

ราคาหุ้นของทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 7% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ หลังประกาศปรับลดคาดการณ์อัตรากำไรจากการดำเนินงานสู่ระดับ 2% ในไตรมาส 2 จากเดิมคาดการณ์ว่าจะใกล้เคียงไตรมาสแรกที่ระดับ 5.3%

นอกจากนี้ ทาร์เก็ตยังประกาศมาตรการในการลดสต็อกในคลังสินค้าที่ไม่จำเป็น โดยมีการยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้า หลังมีการเปิดเผยมูลค่าสต็อกสินค้าสูงถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 43%

ก่อนหน้านี้ ทาร์เก็ตสร้างความตื่นตระหนกต่อนักลงทุน หลังเปิดเผยกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาสแรก โดยระบุว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 2.19 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.07 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันและค่าขนส่งที่พุ่งขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นทาร์เก็ตดิ่งลงเกือบ 25% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ซึ่งเป็นการทรุดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 35 ปี

การปรับตัวลงของหุ้นทาร์เก็ตก่อนเปิดตลาด ได้ฉุดให้ราคาหุ้นอื่นๆในกลุ่มค้าปลีกร่วงลงเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ คาดว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งแม้ว่าปรับตัวลงในวันนี้ แต่ก็ยังคงอยู่เหนือระดับ 3%

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันศุกร์นี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว

นอกจากนี้ ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว รวมทั้งในการประชุมเดือนก.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ เฟดเริ่มใช้มาตรการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) ในเดือนมิ.ย. ตามมติในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 4 พ.ค. โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เฟดจะเพิ่มวงเงินในการลดขนาดงบดุลเป็น 2 เท่า สู่ระดับ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ