ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงในวันอังคาร (7 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่เกิดจากการคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกของธนาคารกลางต่าง ๆ เพื่อพยายามควบคุมเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง หลังจากบริษัททาร์เก็ตซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกของสหรัฐเตือนเกี่ยวกับแนวโน้มผลกำไรที่ลดลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 442.88 จุด ลดลง 1.24 จุด หรือ -0.28%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,500.35 จุด ลดลง 48.43 จุด หรือ -0.74%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,556.62 จุด ลดลง 97.19 จุด หรือ -0.66% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,598.93 จุด ลดลง 9.29 จุด หรือ -0.12%
หุ้นกลุ่มค้าปลีก ลดลง 0.9% หลังบริษัททาร์เก็ตปรับลดคาดการณ์ผลกำไรรายไตรมาสลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 1 เดือน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวลง 1.1% โดยหุ้นแดสสอล์ท ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ของฝรั่งเศส ร่วงลง 2.3% หลังโบรกเกอร์ปรับลดคำแนะนำลงทุน
นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น โดยธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในรอบ 22 ปี และส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ และการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในวันศุกร์ ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหลังจากเดือนก.ค.
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ชะลอลงตัวถ่วงตลาดลงด้วย โดยเยอรมนีเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมลดลงมากเกินคาดในเดือนเม.ย. โดยลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลจากอุปสงค์ที่อ่อนแอลง และความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน