ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าในแดนบวกตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ดี การซื้อขายยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวังเนื่องจากนักลงทุนยังกังวลว่า หากธนาคารกลางดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินจะฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ stagflation ซึ่งเป็นภาวะเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอ่อนแอ แต่เงินเฟ้อพุ่งสูง
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 28,208.92 จุด เพิ่มขึ้น 264.97 จุด หรือ +0.95%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 21,897.83 จุด เพิ่มขึ้น 366.16 จุด หรือ +1.70% ส่วนดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,219.15 จุด ลดลง 22.62 จุด หรือ -0.70%
ทางด้านธนาคารโลกออกรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 2.9% จากเดิมที่ระดับ 4.1% เพราะผลกระทบจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ซึ่งได้ซ้ำเติมความเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
นายเดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลก กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน, การที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19, ภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งความเสี่ยงของการเกิดภาวะ stagflation ซึ่งเป็นภาวะเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอ่อนแอ แต่เงินเฟ้อพุ่งสูง ซึ่งเคยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970
ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการขยายตัวเพียง 2.6% ในปีนี้ และชะลอตัวสู่ 2.2% ในปีหน้า หลังจากพุ่งแตะ 5.1% ในปีที่แล้ว ส่วนเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่จะมีการขยายตัว 3.4% ในปีนี้ หลังจากพุ่งแตะ 6.6% ในปีที่แล้ว
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทเนชันแนล ซิเคียวริตีส์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะเพิ่มขึ้น 8.2% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 8.3%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว รวมทั้งในการประชุมเดือนก.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ