ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (9 มิ.ย.) หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ และปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 434.38 จุด ลดลง 5.99 จุด หรือ -1.36%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,358.46 จุด ลดลง 90.17 จุด หรือ -1.40%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,198.80 จุด ลดลง 247.19 จุด หรือ -1.71% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,476.21 จุด ลดลง 116.79 จุด หรือ -1.54%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลง หลัง ECB เปิดเผยในการประชุมในวันพฤหัสบดีว่า จะยุติโครงการซื้อพันธบัตรในวันที่ 1 ก.ค. และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีในเดือนก.ค. และอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันพฤหัสบดี โดยคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ระบุว่า "ECB มีความประสงค์ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ค. และปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนก.ย. ซึ่งหากเงินเฟ้อในระยะกลางยังคงมีแนวโน้มพุ่งขึ้นต่อไป ECB ก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในเดือนก.ย. ส่วนหลังจากเดือนก.ย. ECB จะดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป"
ECB คาดว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ 6.8% สูงกว่า 5.1% ที่คาดไว้ในเดือนมี.ค. และสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ขณะที่ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจลงเหลือ 2.8% ในปีนี้ จากเดิมที่ 3.7%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วยุโรปพุ่งขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของอิตาลีพุ่งขึ้นมากกว่า 0.20% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561
ตลาดหุ้นต่าง ๆ ในยุโรปปรับตัวลงตามกัน โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งปกติแล้วจะได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนั้น ร่วงลง 1.2%
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐประจำเดือนพ.ค.ในวันศุกร์นี้ ก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า โดยเฟดได้ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมิ.ย.และก.ค.