ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรุดตัวลงในวันศุกร์ (10 มิ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด ซึ่งเพิ่มความวิตกว่า จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 422.71 จุด ร่วงลง 11.67 จุด หรือ -2.69%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,187.23 จุด ร่วงลง 171.23 จุด หรือ -2.69%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,761.83 จุด ร่วงลง 436.97 จุด หรือ -3.08% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,317.52 จุด ร่วงลง 158.69 จุด หรือ -2.12%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. และร่วงลงมากกว่า 3% ในรอบสัปดาห์นี้ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 4.8%
ตลาดหุ้นต่าง ๆ ในยุโรปปรับตัวลงมากกว่า 2% โดยตลาดหุ้นอิตาลีทรุดลง 5.2% และตลาดหุ้นสเปนดิ่งลง 3.7%
สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพ.ค.พุ่งแตะ 8.6% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 8.3% ซึ่งบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อไปจนถึงเดือนก.ย.เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ โดยนักลงทุนจะจับตาอย่างใกล้ชิดกับการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (9 มิ.ย.) ว่า จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์และการขยายตัวทางเศรษฐกิจในจีน หลังจากเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งกำหนดมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19 ครั้งใหม่
แบงก์ออฟอเมริกาเปิดเผยว่า นักลงทุนได้ถอนเงินออกจากกองทุนหุ้นยุโรปเป็นสัปดาห์ที่ 17 ติดต่อกัน เนื่องจากวิตกกับความไม่แน่นอนที่เกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน
หุ้นกลุ่มสายการบินในยุโรปร่วงลง เนื่องจากคาดว่าปัญหาด้านแรงงานจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางมากขึ้นในช่วงฤดูร้อน โดยหุ้นไรอันแอร์, หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดเต็ด แอร์ไลน์ส, หุ้นลุฟท์ฮันซ่า และหุ้นวิซซ์ แอร์ ร่วงลงราว 1.6-4.1%
อย่างไรก็ตาม หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาดรวมถึง หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์นซึ่งบวกขึ้น 1.6% หลังเปิดเผยว่า วัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจ (Respiratory Syncytial Virus - RSV) นั้น ประสบความสำเร็จในการทดลองระยะสุดท้ายที่กับกลุ่มผู้สูงอายุ