ดาวโจนส์ไหลไม่หยุด ล่าสุดดิ่งกว่า 200 จุด หวั่นเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรงฉุดเศรษฐกิจถดถอย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 14, 2022 23:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 200 จุด ขณะที่นักลงทุนวิตกว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

ณ เวลา 23.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 30,270.31 จุด ลบ 246.43 จุด หรือ 0.81%

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันในวันนี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 4 ของปีนี้ ท่ามกลางปัจจัยท้าทายจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจนเข้าใกล้ระดับ 4% ในปี 2566 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.75-1.00%

เฟดได้เริ่มต้นวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค. ก่อนที่จะปรับขึ้น 0.50% ในเดือนพ.ค. ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค.

อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2524 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.3%

นายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุในรายงานว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมรอบนี้ และจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค.

นอกจากนี้ นายแฮตซิอุซคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย. ก่อนที่จะปรับขึ้นเพียง 0.25% ในเดือนพ.ย.และธ.ค.

รายงานระบุว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับ 3.25-3.50% จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.75-1.00%

การซื้อขายในตลาดถูกกดดันในวันนี้ เนื่องจากตลาดพันธบัตรสหรัฐยังคงเกิดภาวะ inverted yield curve ต่อเนื่องจากวานนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ที่ผ่านมา ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสูงกว่าพันธบัตรอายุ 30 ปีได้เกิดขึ้นในปี 2549 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในเวลาเพียงไม่กี่ปีถัดมา

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI ดีดตัวขึ้น 10.8% ในเดือนพ.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 11.0% ในเดือนเม.ย.

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.6% หลังจากปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 6.8% หลังจากดีดตัวขึ้น 6.8% เช่นกันในเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ