ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวน โดยนักลงทุนยังจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ท่ามกลางความกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยหากเฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,435.01 จุด ลดลง 194.85 จุด หรือ -0.73%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 21,367.11 จุด เพิ่มขึ้น 299.12 จุด หรือ +1.42% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,335.12 จุด เพิ่มขึ้น 46.21 จุด หรือ +1.41%
คณะกรรมการเฟดได้เริ่มการประชุมนโยบายการเงินวันแรกเมื่อวานนี้ และจะแถลงผลการประชุมในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักซึ่งรวมถึงนายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ และนายมิเชล เฟโรลี นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ต่างก็คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมรอบนี้ และจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่เปิดเผยเช้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้น 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยฟื้นตัวขึ้นจากเดือนเม.ย.ที่ร่วงลง 2.9% และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมจะลดลง 0.7% ในเดือนพ.ค.
ส่วนยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของจีนลดลง 6.7% แม้รัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในเมืองต่าง ๆ อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกอาจร่วงลง 7.1% หลังจากที่ดิ่งลง 11.1% ในเดือนเม.ย.
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ ปรับตัวขึ้น 6.2% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 6% หลังจากที่มีการขยายตัว 6.8% ในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. ขณะที่อัตราว่างงานในพื้นที่เขตเมืองของจีนอยู่ที่ระดับ 5.9% ในเดือนพ.ค. ลดลง 0.2% จากเดือนเม.ย.