ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะฟื้นตัวขึ้นในคืนนี้ หลังจากดิ่งลงอย่างหนักวานนี้
ณ เวลา 18.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 254 จุด หรือ 0.85% สู่ระดับ 30,173 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 700 จุดวานนี้ หลุดระดับ 30,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2564 เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากธนาคารกลางทั่วโลกได้พากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
คาดว่าการซื้อขายจะเป็นไปอย่างผันผวนในวันนี้ เนื่องจากตรงกับวัน quadruple witching ซึ่งเป็นวันครบกำหนดส่งมอบออปชั่นและสัญญาล่วงหน้ารายไตรมาสของหุ้นและดัชนีต่างๆพร้อมกัน
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 4.7% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และมีแนวโน้มปรับตัวลง 11 ใน 12 สัปดาห์ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 6% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และมีแนวโน้มทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ส่วนดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 6.1% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์
ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน เพื่อชดเชยวันจูนทีนธ์ (Juneteenth) ของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นวันหยุดราชการที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการล่าสุด
นอกจากนี้ ตลาดปริวรรตเงินตรา และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งสถานที่ราชการของสหรัฐจะปิดทำการในวันดังกล่าวเช่นกัน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามในกฎหมาย Juneteenth National Independence Day Act เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 โดยกำหนดให้วันจูนทีนธ์ (Juneteenth) เป็นวันหยุดประจำปีของรัฐบาลกลางสหรัฐเพื่อรำลึกถึงการสิ้นสุดของการค้าทาสในอเมริกา
วันจูนทีนธ์ (Juneteenth) มาจากการสนธิคำ 2 คำเข้าด้วยกัน คือ "June" และ "nineteenth" โดยวันดังกล่าวจะเป็นวันหยุดประจำชาติของสหรัฐในวันที่ 19 มิถุนายนของทุกปี เพื่อรำลึกเหตุการณ์ในวันที่ 19 มิถุนายน 2408 โดยทาสซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในเมืองกาลเวสตัน รัฐเท็กซัส ได้รับการประกาศว่าพวกเขาได้รับอิสรภาพแล้ว หลังจากที่กองทัพของรัฐทางเหนือของสหรัฐที่ไม่เห็นด้วยกับการค้าทาส สามารถรบชนะรัฐฝ่ายใต้ ซึ่งมองว่าทาสยังคงมีความสำคัญต่อระบบอุตสาหกรรมในขณะนั้น
อย่างไรก็ดี การปลดปล่อยทาสในรัฐเท็กซัสเกิดขึ้นนานกว่า 2 ปี หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์นประกาศอิสรภาพให้แก่ทาสทั้งหมดในรัฐทางใต้
วันจูนทีนธ์ถือเป็นวันหยุดราชการล่าสุดของรัฐบาลกลางสหรัฐนับตั้งแต่มีการประกาศวันหยุดมาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์ในปี 2526