ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (17 มิ.ย.) แต่ยังคงลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางรายใหญ่ต่าง ๆ ทำให้เกิดความวิตกว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 403.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด หรือ +0.09% แต่ปรับตัวลง 4.6% ในรอบสัปดาห์นี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,882.65 จุด ลดลง 3.59 จุด หรือ -0.06%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,126.26 จุด เพิ่มขึ้น 87.77 จุด หรือ +0.67% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,016.25 จุด ลดลง 28.73 จุด หรือ -0.41%
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงในสัปดาห์นี้มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 โดยได้รับผลกระทบจากความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ, อังกฤษ และสวิตเซอร์แลนด์ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงราว 17.3% แล้วในปีนี้จากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและผลประกอบการที่ย่ำแย่ลง เนื่องจากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และธนาคารกลางต่าง ๆ ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, ค้าปลีก และสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ น้ำมันและก๊าซ และเหมืองแร่ ปรับตัวลงมากที่สุดในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้นได้แก่ หุ้นธนาคารแซนแทนเดอร์ของสเปน พุ่งขึ้น 2.3% หลังแต่งตั้งนายเฮกเตอร์ กริซี เป็นซีอีโอคนใหม่
หุ้นโนเกียน ไทร์ส ของฟินแลนด์ พุ่งขึ้น 10.3% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายสุทธิยางรถยนต์ในปีนี้