ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น โดยมีแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่ดีดตัวขึ้นมากกว่า 300 จุดในช่วงเช้านี้ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ เนื่องจากตลาดเริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังนักลงทุนเทขายอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงกังวลถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่งว่า อาจทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,225.15 จุด พุ่งขึ้น 453.93 จุด หรือ +1.76%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 21,466.03 จุด เพิ่มขึ้น 302.12 จุด หรือ +1.43% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,321.24 จุด เพิ่มขึ้น 5.81 จุด หรือ +0.18%
นักลงทุนยังคงกังวลกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง โดยล่าสุดธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมเดือนมิ.ย.ในวันนี้ โดยระบุว่า การที่ RBA ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.นั้น เป็นเพราะนโยบายการเงินของ RBA ยังคงอยู่ในลักษณะที่ผ่อนคลายมาก และ RBA จำเป็นต้องปรับนโยบายกลับสู่ระดับปกติเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในขณะนี้
กรรมการ RBA ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% หรือ 0.50% และท้ายที่สุดกรรมการได้เลือกที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 0.85% เนื่องจากเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงกว่าระดับที่กรรมการทุกคนคาดการณ์ไว้
ทางด้านนายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการ RBA กล่าวว่า แรงกดดันด้านราคายังคงเกิดขึ้นทั้งในต่างประเทศและภายในประเทศ โดยอัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 7% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 6% โดยอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 7% ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปีและสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวของ RBA ที่ระดับ 2-3%
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นนั้น นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐกำลังเจรจากับแคนาดาและชาติพันธมิตรรายอื่น ๆ เกี่ยวกับการดำเนินการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อสกัดรายได้ด้านพลังงานของรัสเซียโดยการควบคุมราคาน้ำมันของรัสเซีย