ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพุธ (22 มิ.ย.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีในเดือนพ.ค. ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ขณะที่การลดลงของราคาน้ำมันดิบและราคาโลหะทำให้หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,089.22 จุด ลดลง 62.83 จุด หรือ -0.88%
ตลาดถูกกดดันจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษที่พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 40 ปีที่ระดับ 9.1% ในเดือนพ.ค.
BoE ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.25% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และระบุว่าพร้อมจะดำเนินการอย่างรุนแรงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดหุ้นอังกฤษมีแนวโน้มปิดตลาดเดือนมิ.ย.ร่วงลงราว 7-8% เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนทรุดตัวลงจากความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และพลังงานร่วงลง 3.6% และ 3.8% ตามลำดับ หลังจากราคาโลหะอุตสาหกรรมและราคาน้ำมันดิบร่วงลง
ส่วนหุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง รวมถึงหุ้นฮาร์เบอร์ เอเนอร์จี ร่วง 3.5% หลังเปิดเผยกับรัฐบาลอังกฤษว่า แผนการเก็บภาษีลาภลอย (windfall tax) กับภาคพลังงานนั้น จะทำให้การลงทุนของบริษัทในอังกฤษหดตัวลง