ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ ข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจซบเซาถ่วงตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในวันพฤหัสบดี (23 มิ.ย.) หลังผลสำรวจบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนมิ.ย. ซึ่งเพิ่มความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรง ขณะที่การร่วงลงของราคาน้ำมันและโลหะส่งผลกระทบต่อหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์

ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 402.40 จุด ลดลง 3.34 จุด หรือ -0.82%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,883.33 จุด ลดลง 33.30 จุด หรือ -0.56%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,912.59 จุด ลดลง 231.69 จุด หรือ -1.76% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,020.45 จุด ลดลง 68.77 จุด หรือ -0.97%

ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดัน หลังเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า การขยายตัวของธุรกิจในยูโรโซนชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนมิ.ย. และชะลอตัวลงมากเกินคาด เนื่องจากผู้บริโภควิตกเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและชะลอการใช้จ่ายเพื่อออมเงิน

เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของยูโรโซน ปรับตัวลดลงแตะ 51.9 ในเดือนมิ.ย. 2565 จากระดับ 54.8 ในเดือนพ.ค.

นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเหนือ 0% เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีในเดือนก.ย.

ความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ถ่วงตลาดลงด้วย โดยเขากล่าวเมื่อวันพุธ (22 มิ.ย.) ว่า เฟดมุ่งมั่นที่จะควบคุมเงินเฟ้อ แม้มีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ตาม

ธนาคารกลางนอร์เวย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2545

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง 2.6% แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือน ขณะที่ราคาทองแดงและโลหะอื่น ๆ ปรับตัวลงต่อท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

หุ้นที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ อาทิ หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มรถยนต์ร่วงลงเกือบ 2% และหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซลดลง 1.0%