ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (27 มิ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากแรงขายหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ซึ่งเป็นหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,438.26 จุด ลดลง 62.42 จุด หรือ -0.20%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,900.11 จุด ลดลง 11.63 จุด หรือ -0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,524.55 จุด ลดลง 83.07 จุด หรือ -0.72%
แซม สโตวอลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัทซีเอฟอาร์เอ รีเสิร์ชในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำในสัปดาห์นี้ ส่วนในสัปดาห์หน้า คาดว่านักลงทุนจะจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
หุ้นเติบโตซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.202% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 2.78% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.05% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 0.90% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.82% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ร่วงลง 2.17% หุ้นไนกี้ ดิ่งลง 2.13%
หุ้นคอยน์เบส โกลบอล ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ดิ่งลง 10.76% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นคอยน์เบส ลงสู่ระดับ "Sell" จากระดับ "Buy"
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.38% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.92% หุ้นชลัมเบอร์เจอร์ พุ่งขึ้น 2.37% หุ้นฟิลลิปส์ 66 พุ่งขึ้น 3.56% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.17%
หุ้นโรบินฮูด มาร์เก็ตส์ (Robinhood Markets) ซึ่งบริษัทโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ให้บริการซื้อขายหุ้นผ่านแอปพลิเคชั่นโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม ทะยานขึ้น 14% หลังสื่อรายงานว่าเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งเป็นบริษัทคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ระดับโลก กำลังพิจารณายื่นข้อเสนอซื้อกิจการของโรบินฮูด
หุ้นไบออนเทค พุ่งขึ้น 7.21% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า วัคซีนโควิด-19 เข็มบูสเตอร์ของไบออนเทคมีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการรายงานในวันจันทร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนพ.ค.ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อรถยนต์
ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 6 เดือน โดยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาจนกระทั่งปิดการขาย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 1/2565 โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐในวันพุธ ซึ่งจะเป็นตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้าย