ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,561.05 จุด ลดลง 243.55 จุด หรือ -0.91%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 22,002.58 จุด เพิ่มขึ้น 5.69 จุด หรือ +0.03% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,405.64 จุด เพิ่มขึ้น 44.12 จุด หรือ +1.31%
นายพาวเวลกล่าวในการประชุมประจำปีของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจัดขึ้นที่โปรตุเกสเมื่อวานนี้ว่า "เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีเพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลง ซึ่งการกระทำดังกล่าวก็คือการลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งแม้จะมีความเสี่ยง แต่ผมก็มองว่านี่ไม่ใช่ความเสี่ยงใหญ่ที่สุดต่อเศรษฐกิจ โดยความผิดพลาดมากกว่าที่อาจเกิดขึ้นก็คือความล้มเหลวในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ดังนั้นเราจะป้องกันไม่ให้ภาวะเงินเฟ้อต่ำกลายเป็นภาวะเงินเฟ้อสูง โดยในระยะสั้น เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว"
การแถลงของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนกังวลว่า การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยล่าสุดทีมนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะถดถอยในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากการหดตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และการที่เฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของ GDP ไตรมาส 1/2565 เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า GDP หดตัว 1.6% จากเดิมที่รายงานว่าหดตัวเพียง 1.4% และ 1.5% ในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐจะหดตัว 1.5% ในไตรมาส 1
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ของจีนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.2 จากระดับ 49.6 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้
ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมิ.ย.ของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับ 54.7 จากระดับ 47.8 ในเดือนพ.ค. โดยภาคบริการของจีนขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 13 เดือน