ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวสู่แดนลบ โดยหุ้นกลุ่มวัสดุและพลังงานร่วงฉุดตลาด ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลแนวโน้มและความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังธนาคารกลางหลายแห่งเดินหน้าสกัดเงินเฟ้อ แม้จะส่งกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจก็ตาม
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,159.53 จุด ลดลง 233.51 จุด หรือ -0.88% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,392.36 จุด ลดลง 6.25 จุด หรือ -0.18%
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้ (1 ก.ค.) เนื่องในวันสถาปนาเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
บรรยากาศการซื้อขายในภูมิภาคช่วงครึ่งเช้าร่วงลง โดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยและการชะลอตัวของดีมานด์พลังงาน ส่วนผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เมื่อวานนี้ ที่ประชุมมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 4.02 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 105.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 114.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การที่ธนาคารกลางหลายแห่งพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนได้ชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงวันหยุดยาวในสหรัฐ โดยตลาดน้ำมันจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 4 ก.ค.เนื่องในวันชาติสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่เผยเมื่อเช้านี้ ผลสำรวจซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซินระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ของจีน อยู่ที่ระดับ 51.7 พุ่งขึ้นจากระดับ 48.1 ในเดือนพ.ค. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 50.1 โดยเป็นการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 13 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนี PMI เดือนมิ.ย. ได้แรงหนุนจากการผลิตที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังจากจีนประกาศยกเลิกมาตรการล็อกตาวน์ ซึ่งช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถเร่งการผลิตเพื่อรับมือกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น