ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเล็กน้อยในวันศุกร์ (1 ก.ค.) หลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตของอังกฤษลดลงในเดือนมิ.ย.ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตอกย้ำความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของอังกฤษจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรงหรือเข้าสู่ภาวะถดถอย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,168.65 จุด ลดลง 0.63 จุด หรือ -0.01%
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอังกฤษ ลดลงสู่ระดับ 52.8 ในเดือนมิ.ย. จาก 54.6 ในเดือนพ.ค.
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก หลังจากธนาคารกลางต่าง ๆ เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น
ข้อมูลจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคมีความระมัดระวังเกี่ยวกับการกู้ยืม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
ความวิตกที่ว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะกระทบเศรษฐกิจอังกฤษนั้น ทำให้บรรดาเทรดเดอร์ปรับลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BoE ในปีนี้ โดย BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งแล้วนับตั้งแต่เดือนธ.ค. และจะประชุมกำหนดนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 4 ส.ค.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลง 3.2% และถ่วงตลาดลงมากที่สุด แต่การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภค ได้ช่วยลดช่วงติดลบของตลาด
ส่วนหุ้นเชลล์ปรับตัวลง 0.6% หลังระงับแผนขายสินทรัพย์ในไนจีเรีย และหลังจากรัสเซียจัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อดูแลโครงการน้ำมันและก๊าซซาคาลิน-2 (Sakhalin-2) โดยเชลล์และบริษัทเทรดดิง 2 แห่งของญี่ปุ่นถือหุ้นต่ำกว่า 50% ในบริษัทซาคาลิน เอเนอร์จี อินเวสเมนต์