ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางหลายแห่งมุ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ รวมถึงยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในจีน ขณะที่ตลาดบางแห่งยังคงปรับตัวตามแรงซื้อในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 ก.ค.)
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,085.07 จุด เพิ่มขึ้น 149.45 จุด หรือ +0.58%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 21,730.54 จุด ลดลง 129.25 จุด หรือ -0.59% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,392.22 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด หรือ +0.14%
นักลงทุนกังวลแนวโน้มว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. นี้เป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ หลังเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในเดือนมิ.ย. หลังเผชิญแรงกดดันด้านราคาเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ยูโรสแตทระบุว่า เงินเฟ้อใน 19 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรร่วมกันเพิ่มขึ้นจากระดับ 8.1% เป็น 8.6% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.4% โดยได้รับแรงกดดันหลักจากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงราคาอาหารและบริการ
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในช่วงเช้าของวันนี้ยังถูกสกัดจากรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นกว่า 700 ราย ในจีนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่า รัฐบาลจีนจะกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดในเมืองใหญ่ รวมถึงเซี่ยงไฮ้ด้วย และจะทำให้เศรษฐกิจจีนได้รับความเสียหาย โดยช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ จีนพบผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับต่ำกว่า 50 รายต่อวัน
ทางด้านมาเก๊าเริ่มตรวจหาเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ในประชาชนทั่วทั้งเมืองมากกว่า 600,000 คนในวันนี้ (4 ก.ค.) โดยจะทำการตรวจ 3 ครั้งภายในสัปดาห์นี้ และในระหว่างนั้นประชาชนต้องทำการตรวจแบบทราบผลเร็ว (Rapid Antigen Test)
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมาเก๊าพบผู้ป่วยรายใหม่ 90 รายในวันอาทิตย์ (3 ก.ค.) ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรวมเพิ่มเป็น 784 รายนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. โดยมีมากกว่า 11,000 คนอยู่ระหว่างการกักตัว