ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (4 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซซึ่งปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 เดือน แต่ความเชื่อมั่นที่อ่อนแอของนักลงทุนในยูโรโซนยังคงกดดันตลาด ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) วางแผนที่จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.นี้
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 409.31 จุด เพิ่มขึ้น 2.18 จุด หรือ +0.54%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,954.65 จุด เพิ่มขึ้น 23.59 จุด หรือ +0.40%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,773.38 จุด ลดลง 39.65 จุด หรือ -0.31% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,232.65 จุด เพิ่มขึ้น 64.00 จุด หรือ +0.89%
ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้น หลังจากร่วงลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปริมาณการซื้อขายซบเซาลงเนื่องจากตลาดสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันชาติ
หุ้นกลุ่มน้ำมัน อาทิ บีพี, เชลล์ และโททาลเอเนอร์จี พุ่ง 4.4-4.6% ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปขึ้นมากที่สุด เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันหลังจากผลผลิตของโอเปกลดลง, ความไม่สงบในลิเบีย และการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย ได้หนุนราคาพุ่งขึ้น
หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้น 4.0% ขณะที่กลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มเหมืองแร่ ปรับตัวขึ้นด้วย
แต่ตลาดปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์, รถยนต์ และเทคโนโลยี ปรับตัวลง
ผลสำรวจของเซนทิกซ์บ่งชี้ในวันจันทร์ว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนร่วงลงในเดือนนี้สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 โดยบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในยูโรโซน
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งก่อนของ ECB ในวันพฤหัสบดีนี้
นักลงทุนวิตกว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางเพื่อควบคุมเงินเฟ้อนั้นทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 16% แล้วในปีนี้