ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันอังคาร (5 ก.ค.) เนื่องจากการประท้วงของคนงานน้ำมันและก๊าซของนอร์เวย์ทำให้เกิดความวิตกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะวิกฤตด้านพลังงานในยุโรป และตอกย้ำความกังวลด้านเงินเฟ้อที่ระดับสูง
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 400.68 จุด ลดลง 8.63 จุด หรือ -2.11%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,794.96 จุด ลดลง 159.69 จุด หรือ -2.68%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,401.20 จุด ลดลง 372.18 จุด หรือ -2.91% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,025.47 จุด ลดลง 207.18 จุด หรือ -2.86%
คนงานในธุรกิจน้ำมันและก๊าซของนอร์เวย์ได้เริ่มทำการประท้วงในวันอังคารเพื่อเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นค่าแรง เพื่อชดเชยกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้ผลผลิตน้ำมันและก๊าซลดลง ในขณะที่ปริมาณก๊าซธรรมชาติในยุโรปตึงตัวอยู่แล้ว เนื่องจากการรัสเซียลดการส่งออกก๊าซไปยังยุโรป
นายหลุยส์ เดอ กุนดอส รองประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวเมื่อวันจันทร์ (4 ก.ค.) ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนอาจเผชิญภาวะถดถอยหากรัสเซียตัดการส่งออกก๊าซให้กับยุโรป และภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับการขาดแคลนพลังงาน
ความวิตกเกี่ยวกับการที่ยุโรปต้องพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่ภาวะการเงินที่ตึงตัวทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 16.4% แล้วในปีนี้
ข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า การขยายตัวทางธุรกิจในยูโรโซนชะลอตัวลงอีกในเดือนมิ.ย. ขณะที่ดัชนีต่าง ๆ บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนอาจติดลบในไตรมาสนี้ เนื่องจากวิกฤตค่าครองชีพทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง
หุ้นกลุ่มทรัพยากรและกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลงมากที่สุด โดยร่วงลง 1.5%
ส่วนหุ้นรายตัวที่ร่วงลงอย่างหนักได้แก่ หุ้นสายการบินสแกนดิเนเวียน แอร์ไลน์ส (SAS) ร่วงลง 9.2% หลังยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายในสหรัฐเพื่อช่วยเร่งแผนฟื้นฟู และเตือนว่าการประท้วงของนักบินได้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและสภาพคล่องของบริษัท