ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (6 ก.ค.) โดยหุ้นกลุ่มส่งออกได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และวิกฤตการเมืองในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,107.77 จุด เพิ่มขึ้น 82.30 จุด หรือ +1.17%
ปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป แม้รัฐมนตรีหลายคนลาออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม
หุ้นกลุ่มส่งออกได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง อาทิ แอสตร้าเซนเนก้า, ดิอาจีโอ และยูนิลีเวอร์
แต่หุ้นกลุ่มธนาคาร อาทิ เอชเอสบีซี, สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และบาร์เคลยส์ ร่วงลง 0.4-2.3% หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เตือนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของอังกฤษและของโลกที่ซบเซาลงตั้งแต่ต้นปีนี้ และเตือนให้ธนาคารต่าง ๆ เพิ่มทุนสำรอง
สำหรับหุ้นรายตัวที่พุ่งขึ้นนั้นได้แก่ หุ้นเทรนไลน์ ผู้ประกอบการด้านรถไฟของอังกฤษ ทะยานขึ้น 20.6% หลังคาดการณ์รายได้ปี 2566 ขยายตัวแข็งแกร่ง เนื่องจากความต้องการเดินทางฟื้นตัวขึ้น
หุ้นเอบีอาร์ดีเอ็น ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 5.1% หลังประกาศโครงการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 300 ล้านปอนด์
บรรดานักลงทุนต่างมุ่งความสนใจไปที่รายงานการประชุมเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเปิดเผยในวันพุธหลังจากที่ตลาดลอนดอนปิดทำการไปแล้ว