ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (7 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และกลุ่มธนาคาร หลังราคาน้ำมันและโลหะปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มผลิตชิปปรับตัวขึ้นด้วยขานรับบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้เปิดเผยผลกำไรที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 415.01 จุด เพิ่มขึ้น 7.67 จุด หรือ +1.88%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,006.70 จุด เพิ่มขึ้น 94.32 จุด หรือ +1.60%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,843.22 จุด เพิ่มขึ้น 248.70 จุด หรือ +1.97% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,189.08 จุด เพิ่มขึ้น 81.31 จุด หรือ +1.14%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 5.4% หลังราคาทองแดงทะยานขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือนจากความหวังเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ฟื้นตัวขึ้นในจีน ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 4%
หุ้นกลุ่มธนาคาร พุ่งขึ้น 3.4% และหนุนดัชนี Stoxx Europe 600 ขึ้นมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายยังคงเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนไม่แน่ใจว่า มูลค่าตลาดอยู่ในระดับที่น่าดึงดูดใจแล้วหรือไม่หลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ธนาคารกลางต่าง ๆ เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
รายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) บ่งชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายของ ECB หารือเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นในเดือนก.ค. และจะเปิดโอกาสสำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้นในการประชุมครั้งต่อ ๆ ไป
ข้อมูลจากริฟินิทีฟบ่งชี้ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทในดัชนี Stoxx Europe 600 นั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 19.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี และหากไม่รวมกลุ่มพลังงาน ผลประกอบการจะเพิ่มขึ้น 2%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น แม้นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันลาออกจากตำแหน่ง โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามความคาดหมาย หลังรัฐมนตรีหลายคนลาออกจากรัฐบาลของเขาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ขณะที่กรณีอื้อฉาวต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อความเต็มใจที่จะสนับสนุนนายจอห์นสัน
หุ้นกลุ่มผลิตชิป อาทิ เอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์, บีอี เซมิคอนดักเตอร์, เอเอสเอ็ม อินเตอร์เนชันแนล และเอเอสเอ็มแอล โฮลดิ้ง พุ่งขึ้น 2.9-4.6% หลังซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ บริษัทผลิตชิปของเกาหลีใต้ เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2561