ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (11 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพุธนี้ เพื่อประเมินทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,173.84 จุด ลดลง 164.31 จุด หรือ -0.52%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,854.43 จุด ลดลง 44.95 จุด หรือ -1.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,372.60 จุด ร่วงลง 262.71 จุด หรือ -2.26%
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐสัปดาห์นี้ โดยเจพีมอร์แกน และมอร์แกน สแตนลีย์ จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ในวันที่ 14 ก.ค. ขณะที่ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะรายงานในวันที่ 15 ก.ค. ส่วนแบงก์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์ จะรายงานในวันที่ 18 ก.ค.
นักวิเคราะห์เตือนว่าธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐอาจจะรายงานตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 ที่น่าผิดหวัง เนื่องจากมีการเพิ่มการกันสำรองหนี้สูญ โดยกฎระเบียบที่มีการบังคับใช้ในเดือนม.ค. 2563 กำหนดให้ธนาคารต่าง ๆ จะต้องนำปัจจัยแนวโน้มเศรษฐกิจเข้ารวมในการพิจารณากันสำรองหนี้สูญ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า เจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป, เวลส์ ฟาร์โก และแบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารในกลุ่มบิ๊กโฟร์ของสหรัฐ จะต้องทำการกันสำรองหนี้สูญรวมกันถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์
ความวิตกกังวลดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง 1% โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 1.25% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 1.08% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.30% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลบ 0.95% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 1.11%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารร่วงลง ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 2% โดยหุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ร่วงลง 4.68% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.48% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 5.15% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 3.08% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.18%
หุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 11.40% หลังจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ ประกาศยกเลิกข้อตกลงซื้อกิจการทวิตเตอร์วงเงิน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าทวิตเตอร์ทำผิดเงื่อนไขในข้อตกลง เนื่องจากไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีปลอม
หุ้นกลุ่มกาสิโนร่วงลง หลังจากรัฐบาลมาเก๊าสั่งปิดธุรกิจกาสิโนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยหุ้นลาเวกัส แซนด์ส ดิ่งลง 6.23% หุ้นวินน์ รีสอร์ทส์ ร่วงลง 6.46% หุ้นเมลโค รีสอร์ท แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ร่วงลง 9.64%
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนมิ.ย.ในวันพุธนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI จะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 8.6% ของเดือนพ.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนมิ.ย.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน