ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (12 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อย่างไรก็ดี ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานในยุโรปยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,209.86 จุด เพิ่มขึ้น 13.27 จุด หรือ +0.18%
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (Defensive Stocks) โดยหุ้นยูนิลีเวอร์, หุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ และหุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ต่างก็พุ่งขึ้นเกือบ 1%
หุ้นกลุ่มการเดินทางดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไอเอจี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ทะยานขึ้น 6.5% และหุ้นวิซ แอร์ พุ่งขึ้น 4.6% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเดินทางปรับตัวขึ้นราว 1.1%
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และพลังงานปรับตัวลง 0.6% และ 1.7% ตามลำดับ โดยหุ้นดังกล่าวถูกกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์ควบคุมโควิด-19 โดยล่าสุดจีนสั่งล็อกดาวน์เมืองหวู่กังซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตเหล็กในมณฑลเหอหนานเป็นเวลา 3 วันตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตอุปทานพลังงานในยุโรป หลังจากบริษัท Nord Stream AG ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการท่อส่ง Nord Stream 1 ประกาศปิดท่อส่งดังกล่าว ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมายังเยอรมนีผ่านทางทะเลบอลติก เพื่อทำการซ่อมบำรุงจนถึงวันที่ 21 ก.ค. แต่ตลาดกังวลว่ารัสเซียจะยังคงตัดการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป แม้ Nord Stream 1 เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงในวันที่ 21 ก.ค.แล้วก็ตาม