ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี หลังเผชิญแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อตลอดช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งสร้างความกังวลถึงแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดยังผิดหวังข้อมูลเศรษฐกิจจีน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 26,797.47 จุด เพิ่มขึ้น 154.08 จุด หรือ +0.58%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,503.58 จุด ลดลง 247.63 จุด หรือ -1.19% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,273.87 จุด ลดลง 7.87 จุด หรือ -0.24%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของจีนขยายตัวเพียง 0.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ระดับ 5.5% อยู่มาก เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19
ทั้งนี้ GDP ไตรมาส 2 ของจีนออกมากต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะขยายตัว 1%
ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ จีนเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่โควิด-19 เริ่มระบาดในช่วงต้นปี 2563 ซึ่งส่งผลให้จีนสั่งล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้เป็นเวลานานถึง 2 เดือน โดยบังคับให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และสั่งควบคุมการเดินทาง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานประสบกับภาวะชะงักงัน
แม้ว่าในช่วงต้นเดือนมิ.ย. นครเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง และเมืองอื่น ๆ ของจีนได้เริ่มอนุญาตให้ภาคธุรกิจกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ แต่ก็ยังมีอีกหลายเมืองที่กลับมาใช้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดอีกครั้ง หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้น
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ของจีนปี 2565 ลงสู่ระดับ 4% ซึ่งต่ำตัวเลขเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ 5.5% เนื่องจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้นส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจ