ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (18 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงถึง 1% ในการประชุมในเดือนนี้ และตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังที่จีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ แต่ตลาดลดช่วงบวกลงจากระดับสูงสุดของวัน หลังจากรายงานระบุว่า บริษัทก๊าซพรอมได้ประกาศภาวะสุดวิสัยในการจัดส่งก๊าซบางส่วนให้กับยุโรป ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานในยุโรป
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 417.63 จุด เพิ่มขึ้น 3.85 จุด หรือ +0.93%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,091.91 จุด เพิ่มขึ้น 55.91 จุด หรือ +0.93%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,959.81 จุด เพิ่มขึ้น 95.09 จุด หรือ +0.74% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,223.24 จุด เพิ่มขึ้น 64.23 จุด หรือ +0.90%
ตลาดลดช่วงบวกลง โดยถูกกดดันจากการที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการเกิดวิกฤตพลังงานในยุโรป เนื่องจากการซ่อมบำรุงท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 1 จะสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ก.ค.นี้ แต่นักลงทุนวิตกว่ารัสเซียอาจยังไม่เริ่มส่งก๊าซให้ยุโรปท่ามกลางการทำสงครามกับยูเครน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้น 3% ตามมาด้วยหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ และกลุ่มธนาคาร ซึ่งปรับตัวขึ้น 2.8% และ 2.1% ตามลำดับ
การคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้ช่วยหนุนหุ้นรายตัว โดยหุ้นจัสต์ อีต เทคอะเวย์ และหุ้นดีลิเวอรี ฮีโร พุ่งขึ้น 8.4% และ 8% ตามลำดับ หลังบริษัทดีลิเวอรูของอังกฤษคาดการณ์แนวโน้มผลกำไรไม่เปลี่ยนแปลงที่ 1.8%
นักลงทุนจะมุ่งความสนใจในสัปดาห์นี้ไปที่การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2544 เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อซึ่งอยู่ที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 8.6%