ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าในแดนลบตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ หลังมีรายงานว่าบริษัทแอปเปิล อิงค์ วางแผนชะลอการจ้างงานและการใช้จ่ายในปีหน้า ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 26,977.37 จุด เพิ่มขึ้น 188.90 จุด หรือ +0.71%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,605.64 จุด ลดลง 240.54 จุด หรือ -1.15% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,268.52 จุด ลดลง 9.59 จุด หรือ -0.29%
บรรยากาศการซื้อขายในภูมิภาคถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า แอปเปิล อิงค์ วางแผนที่จะชะลอการจ้างงานและชะลอการใช้จ่ายในบางหน่วยงานในปีหน้า เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แอปเปิลซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกนั้น ปรับตัวตามบริษัทอื่น ๆ ของสหรัฐที่กำลังชะลอการจ้างงานในขณะนี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ และเทสลา อิงค์ ข่าวดังกล่าวยังฉุดให้หุ้นเทคโนโลยีในภูมิภาคดิ่งลงตามไปด้วย
ด้านธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค. ในวันนี้ โดยระบุว่า RBA เล็งเห็นความจำเป็นในการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินมากขึ้น แม้ว่าเพิ่งประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมาก็ตาม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำเกินกว่าที่จะสามารถควบคุมตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อได้ ท่ามกลางตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งในขณะนี้
รายงานการประชุมระบุว่า คณะกรรมการ RBA ได้หารือกันเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง (neutral rate) และมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.35% ในปัจจุบันนั้น ยังถือว่าต่ำกว่าระดับที่เป็นกลาง
ที่ผ่านมานั้น นายฟิลลิป โลว์ ผู้ว่าการ RBA เสนอว่า อัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางควรจะอยู่ที่ 2.5% อย่างไรก็ดี รายงานการประชุมระบุว่า คณะกรรมการ RBA มองว่า อัตราเงินดอกเบี้ยที่เป็นกลางควรจะปรับตัวสูงขึ้นกว่านั้น หากภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในขณะนี้เริ่มกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนคาดการณ์เงินเฟ้อของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ