ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าบวก โดยได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งปิดบวกมากที่สุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,599.52 จุด พุ่งขึ้น 637.84 จุด หรือ +2.37%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 21,020.61 จุด เพิ่มขึ้น 359.55 จุด หรือ +1.74% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,301.25 จุด เพิ่มขึ้น 21.82 จุด หรือ +0.67%
บรรยากาศการซื้อขายในภูมิภาคได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มธุรกิจขุดเจาะน้ำมันและกลุ่มธนาคาร ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อภาคธนาคาร
นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.) เพื่อหารือกันว่า จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% หรือ 0.50%
ก่อนหน้านี้ ECB ระบุว่าจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น โดยมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% มากที่สุดในเดือนก.ค. และชะลอการดำเนินการคุมเข้มนโยบายการเงินครั้งใหญ่ออกไปเป็นเดือนก.ย.แทน
แต่นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ระบุในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อเดือนมิ.ย.ว่า สภาพการณ์ต่าง ๆ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้โดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย ECB จะมุ่งเป้าไปที่ข้อตกลงเพื่อจัดหาความช่วยเหลือให้กับประเทศต่าง ๆ ที่มีหนี้สินในตลาดพันธบัตร เช่น อิตาลี หากประเทศเหล่านี้ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการปฏิรูปและวินัยงบประมาณของคณะกรรมาธิการยุโรป