ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ในวันพุธ (20 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นเกือบ 1.6% โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,874.84 จุด เพิ่มขึ้น 47.79 จุด หรือ + 0.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,959.90 จุด เพิ่มขึ้น 23.21 จุด เพิ่มขึ้น +0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,897.65 จุด เพิ่มขึ้น 184.50 จุด หรือ +1.58%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยล่าสุดบริษัทเน็ตฟลิกซ์เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ที่ระดับ 3.20 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.94 ดอลลาร์ และจำนวนสมาชิกที่จ่ายค่าบริการเน็ตฟลิกซ์ทั่วโลก ลดลงเพียง 970,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงมากถึง 2 ล้านราย
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเน็ตฟลิกซ์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทสตรีมมิงสื่อบันเทิง โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 7.35% หุ้นดิสนีย์ พุ่งขึ้น 3.75% หุ้นพาราเมาท์ พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นโรคุ (Roku) พุ่งขึ้น 6.91%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 1.06% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ทะยานขึ้น 4.16% หุ้นทวิตเตอร์ บวก 0.28% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.35% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 3.86%
หุ้นบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง หลังมีรายงานว่าวุฒิสภาสหรัฐกำลังผลักดันมาตรการใช้จ่ายวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐ โดยหุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 4.80% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 4.13% หุ้นอินเทล ปรับตัวขึ้น 0.85% หุ้นควอลคอมม์ พุ่งขึ้น 2.94%
หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนพุ่งขึ้น หลังราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 24,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 เดือน โดยหุ้น Coinbase พุ่งขึ้น 14.34% หุ้น Riot Blockchain บวก 0.57% หุ้น Silvergate Capital ทะยานขึ้น 16.29%
นอกเหนือจากการพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์แล้ว ราคาหุ้น Coinbase ยังได้แรงหนุนการที่บริษัทออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ทางบริษัทไม่มีความเสี่ยงทางด้านคู่ค้า หรือความเสี่ยงทางด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับ Celsius, Three Arrows Capital และ Voyager Digital ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มปล่อยกู้คริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ของโลกที่ประสบภาวะล้มละลายก่อนหน้านี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุด สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 6.3% ในสัปดาห์ที่แล้ว แตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2543 โดยได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ปรับตัวขึ้น
ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 5.4% สู่ระดับ 5.12 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2563 และเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน