ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าร่วงลงส่วนใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเรื่องเงินเฟ้อและเศรษฐกิจจีน ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultraeasy Monetary Policy) ในการประชุมวันนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,657.53 จุด ลดลง 22.73 จุด หรือ -0.08%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,604.83 จุด ลดลง 285.39 จุด หรือ -1.37% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,290.80 จุด ลดลง 13.93 จุด หรือ -0.42%
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultraeasy Monetary Policy) ในการประชุมวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด ขณะเดียวกัน BOJ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานพุ่งขึ้นและเงินเยนอ่อนค่าลง
คณะกรรมการ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ประมาณ 0% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ BOJ ยังคงควบคุมเพดานของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไม่ให้สูงเกิน 0.25% แม้ว่านักลงทุนคาดหวังว่า BOJ จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายได้ส่งผลให้เงินเยนทรุดตัวลงอย่างรุนแรง
ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการ BOJ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อของปีงบประมาณ 2565 โดยระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด จะขยายตัว 2.3% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.9%
นอกจากนี้ BOJ ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 2565 ลงสู่ระดับ 2.4% จากเดิมที่ 2.9% เนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน ยังคงเป็นปัจจัยฉุดเศรษฐกิจ