ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันศุกร์ (22 ก.ค.) และปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้มากที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,276.37 จุด เพิ่มขึ้น 5.86 จุด หรือ +0.08% และปิดบวก 1.8% ในรอบสัปดาห์นี้
นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นหลังจากถูกเทขายอย่างหนัก โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ บวก 1.2% และหุ้นเชลล์ บวก 0.5%
แต่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 1.2% โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินคาดถึง 0.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารอังกฤษรายใหญ่ อาทิ แนตเวสต์ กรุ๊ป, บาร์เคลย์ส และลอยด์
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจอังกฤษ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อซึ่งคาดว่าจะพุ่งแตะระดับเลข 2 หลัก และคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคผลิตและภาคบริการขั้นต้นของอังกฤษ ปรับตัวลงแตะระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 ที่ 52.8 ในเดือนก.ค. ลดลงจากระดับ 53.7 ในเดือนมิ.ย. แต่ยังอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจยังคงขยายตัว