ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (25 ก.ค.) หลังปรับตัวผันผวนตลอดทั้งวัน แต่ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดลบท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับปริมาณก๊าซที่ส่งจากรัสเซีย นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่ไร้ทิศทางของบริษัทจดทะเบียนได้สร้างความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 426.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.54 จุด หรือ +0.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,237.55 จุด เพิ่มขึ้น 20.73 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,210.32 จุด ลดลง 43.36 จุด หรือ -0.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,306.30 จุด เพิ่มขึ้น 29.93 จุด หรือ +0.41%
หุ้นกลุ่มธนาคาร พุ่งขึ้น 1.7% โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นด้วย
การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งหนุนหุ้นรายตัวปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นฟอรีเซีย (Faurecia) ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากฟอร์เวีย (Forvia) ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถบรรทุกที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการของเฮลลา (Hella) ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของเยอรมนี รายงานยอดขายที่สดใสในช่วงครึ่งปีแรก
หุ้นเบชเทิล (Bechtle) ผู้ให้บริการระบบไอทีของเยอรมนี พุ่งขึ้น 4.8% หลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่สดใส โดยการขยายตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิดระบาด
แต่ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวลงจากความวิตกเกี่ยวกับปริมาณก๊าซ หลังบริษัทก๊าซพรอมของรัสเซียเปิดเผยว่า จะลดปริมาณการส่งก๊าซผ่านท่อนอร์ดสตรีม 1 ไปยังเยอรมนี
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเยอรมนียังถูกกดดันจากผลสำรวจของสถาบันไอโฟ (Ifo) ซึ่งระบุว่า ราคาพลังงานที่ระดับสูงและแนวโน้มการขาดแคลนก๊าซส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีในเดือนก.ค.
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาด 0.50% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา