ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงกว่า 100 จุด หลังจากเปิดตลาดในแดนบวกจากความคาดหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยเศรษฐกิจหดตัวเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน
ณ เวลา 21.09 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,055.68 จุด ลบ 141.90 จุด หรือ 0.44%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทแอปเปิล, แอมะซอน และอินเทล หลังจากปิดตลาดวันนี้
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุดวานนี้ ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามความคาดหมาย ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะลดความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ในวันนี้ โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.9% หลังจากเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า GDP หดตัว 1.6% ในไตรมาส 1
การที่เศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย "ทางเทคนิค" โดยเข้าเกณฑ์นิยามของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์จากหลายสำนักต่างคาดการณ์ตัวเลข GDP ที่แตกต่างกัน โดยเจพีมอร์แกนคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 2 ขณะที่โกลด์แมน แซคส์คาดว่าขยายตัว 1% แต่มูดี้ส์ อนาลิติกส์ คาดว่าเศรษฐกิจหดตัว 1%
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.2% ในไตรมาส 2
อย่างไรก็ดี ในการแถลงข่าวหลังการประชุมนโยบายการเงินของเฟดวานนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันว่า เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตลาดแรงงาน
ที่ผ่านมา สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) ถือเป็นหน่วยงานที่จะตัดสินเกี่ยวกับการขยายตัวหรือการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจะมีการพิจารณาจากหลายปัจจัย ได้แก่ การจ้างงาน การบริโภค การผลิตในภาคอุตสาหกรรม และรายได้ส่วนบุคคล ก่อนที่จะทำการประกาศอย่างเป็นทางการ