ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (28 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังมีรายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐหดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,529.63 จุด พุ่งขึ้น 332.04 จุด หรือ +1.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,072.43 จุด เพิ่มขึ้น 48.82 จุด หรือ +1.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,162.59 จุด เพิ่มขึ้น 130.17 จุด หรือ +1.08%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP ประจำไตรมาส 2 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า GDP หดตัว 0.9% หลังจากที่หดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 ซึ่งการที่ GDP หดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย "ทางเทคนิค"
ทั้งนี้ การที่ GDP สหรัฐหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสและเข้าเกณฑ์นิยามของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณครั้งล่าสุดว่าเฟดจะลดความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ หุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ พุ่งขึ้น 1.86% หุ้นอเมริกัน เรียลตี้ อินเวสเตอร์ส พุ่งขึ้น 3.54% หุ้นอาร์มาดา ฮอฟเฟอร์ พร็อพเพอร์ตีส์ พุ่งขึ้น 3.1%
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.28% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ทะยานขึ้น 4.07% หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 2.02%
ตลาดขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 9.9 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.04 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.78 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 2.77 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นรายได้สูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยได้แรงหนุนจากการจำหน่ายยาและวัคซีนต้านโควิด-19
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 256,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 253,000 ราย นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่า 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ