ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น โดยนักลงทุนซึมซับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐที่พุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (29 ก.ค.) จากคาดการณ์ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทแอปเปิลและบริษัทแอมะซอน.คอม ซึ่งช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในภูมิภาค
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,933.27 จุด เพิ่มขึ้น 131.63 จุด หรือ +0.47%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,258.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.22 จุด หรือ +0.16% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,091.11 จุด ลดลง 65.40 จุด หรือ -0.32%
บรรยากาศการซื้อขายในภูมิภาคได้แรงหนุน หลังบริษัทแอมะซอนเผยรายได้พุ่งขึ้น 7% ในไตรมาส 2/2565 แตะที่ระดับ 1.2123 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.1909 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ บริษัทยังคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 3/2565 จะเพิ่มขึ้นราว 13% - 17% สู่ระดับ 1.25-1.30 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายได้ของแอมะซอนในไตรมาสดังกล่าวจะอยู่ที่ 1.264 แสนล้านดอลลาร์
ทางด้านบริษัทแอปเปิลเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2565 โดยระบุว่า รายได้เพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับ 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 8.281 หมื่นล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่รายงานแล้ว ผลสำรวจซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซินระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนก.ค. อยู่ที่ระดับ 50.4 ลดลงจากระดับ 51.7 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ระดับ 51.5 เนื่องจากผลผลิต ยอดสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงานในภาคการผลิตอ่อนแรงลง
อย่างไรก็ดี ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว และดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิต
นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนซึ่งสำรวจโดยมาร์กิตและไฉซินนั้น ออกมาดีกว่าที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค.อยู่ที่ระดับ 49 ลดลงจากระดับ 50.2 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคการผลิต