ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด วอลล์สตรีทพักฐาน หลังพุ่งแรงเดือนก.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 1, 2022 20:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงกว่า 100 จุดในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของเดือนส.ค. โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับฐาน หลังพุ่งแรงในเดือนก.ค.

ณ เวลา 20.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,704.10 จุด ลบ 141.03 จุด หรือ 0.43%

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 6.7% ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 9.1% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 12.4% โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ทำสถิติพุ่งขึ้นรายเดือนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563 และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2563

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ รวมทั้งรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.1% ในไตรมาส 3

การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.9% หลังจากเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า GDP หดตัว 1.6% ในไตรมาส 1

การที่เศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย "ทางเทคนิค" โดยเข้าเกณฑ์นิยามของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตลาดแรงงาน

ที่ผ่านมา สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) ถือเป็นหน่วยงานที่จะตัดสินเกี่ยวกับการขยายตัวหรือการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจะมีการพิจารณาจากหลายปัจจัย ได้แก่ การจ้างงาน การบริโภค การผลิตในภาคอุตสาหกรรม และรายได้ส่วนบุคคล ก่อนที่จะทำการประกาศอย่างเป็นทางการ

ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินอีก 3 ครั้งที่เหลือในปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.ปีหน้า

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 63.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. และให้น้ำหนัก 49.50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 46.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.2566

ส่วนในการประชุมวันที่ 14-15 มี.ค.2566 นักลงทุนให้น้ำหนัก 30.9% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ