ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันอังคาร (2 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลการผลิตที่อ่อนแอทั่วโลกทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐในประเด็นไต้หวันด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 436.07 จุด ลดลง 1.39 จุด หรือ -0.32%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,409.80 จุด ลดลง 27.06 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,449.20 จุด ลดลง 30.43 จุด หรือ -0.23% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,409.11 จุด ลดลง 4.31 จุด หรือ -0.06%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง หลังจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมการผลิตที่น่าผิดหวังของยูโรโซน
นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางถึงไต้หวันในคืนวันอังคาร (2 ส.ค.) ด้วยเครื่องบินของกองทัพสหรัฐ ซึ่งนับเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 25 ปี และเป็นการเยือนที่เสี่ยงจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนย่ำแย่ลงแตะระดับต่ำสุดครั้งใหม่
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสคาดการณ์ถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจอ่อนแอ (stagflation) ในบรรดาประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU)
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลงมากที่สุด 1.4% หลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลง เนื่องจากบรรดาเทรดเดอร์ได้พากันเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า
หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ อาทิ เอเอสเอ็มแอล โฮลดิง เอเอสเอ็ม อินเตอร์เนชันแนล และบีอี เซมิคอนดักเตอร์ ร่วงลงราว 1.2-2.2%
อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนยังคงช่วยหนุนตลาด อาทิ หุ้นบีพี ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันของอังกฤษ พุ่งขึ้น 2.8% หลังเปิดเผยผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมาก