ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (8 ส.ค.) โดยดีดตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ หลังร่วงลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากความวิตกว่าข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงอีก
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 438.93 จุด เพิ่มขึ้น 3.21 จุด หรือ +0.74%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,524.44 จุด เพิ่มขึ้น 52.09 จุด หรือ +0.80%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,687.69 จุด เพิ่มขึ้น 113.76 จุด หรือ +0.84% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,482.37 จุด เพิ่มขึ้น 42.63 จุด หรือ +0.57%
หุ้นเกือบทุกกลุ่มปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มบริการการเงิน และกลุ่มรถยนต์นำตลาดปรับตัวขึ้น
แต่หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวขึ้นเพียง 0.6% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนท่ามกลางความวิตกด้านอุปสงค์
ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ทรงตัว โดยถูกกดดันหลังจากวุฒิสมาชิกสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่จะทำให้ราคายาลดลง
การเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสช่วยหนุนหุ้นรายตัว อาทิ หุ้นคาร์ลสเบิร์ก บริษัทเบียร์ของเดนมาร์ก ปรับตัวขึ้น 1.5% หลังปรับเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวของผลกำไรในปี 2565 โดยระบุว่าบริษัทสามารถเริ่มการดำเนินธุรกิจในยูเครน และมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในยุโรปและเอเชีย
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจในสัปดาห์นี้ไปที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบจากข้อมูลเมื่อวันศุกร์ที่แล้วที่บ่งชี้ว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐ และเพิ่มความวิตกเกี่ยวกับการที่เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ